ลมพัดเม็ดทราย
ฟุ้งบางเบา
ที่มุยเน่ ฟานเถียด
...........................................................................
ตอนก่อนหน้านี้
ละเลียดเวียดนามใต้...โฮจิมินห์ มุยเน่ ดาลัด
http://www.vacationzone.co.th/board/reply.php?gid=2&Subject=526
/>
ความคิดเห็น (46)
เพียงชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City)
ดูนาฬิกา เวลาไทย 17.20 น.
แล้วเวลาเวียดนามล่ะ? ก็เวลาเดียวกัน
ใครหนอกำหนดให้ทั้ง 2 ประเทศเป็นเวลาเดียวกัน
ทั้ง ๆ ที่ดวงอาทิตย์ผ่านเวียดนามก่อน แล้วอีกนานจึงถึงไทย
ไก่เวียดนามจึงโห่ก่อน แล้วยามดึกดวงดาวก็เต็มฟ้าก่อนเรา
ไปที่สายพาน รับเป้จนครบ แล้วเดินออกมา เห็นแท๊กซี่คอยดักลูกค้า
มองซ้ายขวาก็เห็นแท๊กซี่สนามบิน
ตัดสินใจเดินไปสอบถามราคา บอกว่าจะไป Elios Hotel
เจ้าหน้าที่ดูเส้นทางแล้วแจ้งว่าคันละ 9 USD รวม 2 คันก็ 18 USD
รถ 2 คันพาพวกเราทะยานสู่ถนน จราจรคับคั่ง แตรบีบลั่น
มอเตอร์ไซด์ขับฉวัดเฉวียนไม่มีใครยอมใคร บางช่วงรถติดหนัก
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็มาถึงโรงแรม มองเข้าไปก็ใจชื้น รูปที่ลงใน Website เหมือนกับสภาพจริง
ไม่เหมือนทริปเดือนตุลาคมนี้ที่อียิปต์ พอถึงโรงแรมต้องร้องเฮ้ย ทำไม่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ก้าวข้ามถนนเข้าโรงแรม ไปที่ Front ยื่นเอกสารการจองโรงแรม , ลงทะเบียน
พวกเราตกลงกันว่า จะขึ้นไปบนห้อง ล้างหน้าล้างตา
แล้วลงมาเจอที่ล็อบบี้ ในอีก 30 นาที
Elios Hotel เป็นโรงแรม 3 ดาว ขนาดย่อม สภาพใหม่ ห้องตกแต่งดีสมราคา
อยู่ย่าน District 1 เดินเที่ยวสะดวก ราคาคืนละ 1,900 บาท รวมอาหารเช้า
www.elioshotel.vn
เฉพาะ 3 ภาพบน นำภาพจาก Website ที่จองโรงแรม มาให้ดูบรรยากาศ
แล้วเราก็ลงมาหาเจ้าหน้าที่คนเดิม สอบถามเรื่องการเช่ารถในวันสุดท้ายที่
โฮจิมินห์
โดยในวันนั้น พวกเราจะบินจากดาลัท ถึงโฮจิมนห์ตอนเช้า
แล้วให้รถไปรับที่สนามบิน พาเที่ยวทั้งวัน
ตกเย็นค่อยพามาส่งที่สนามบิน เพื่อกลับเมืองไทย
วางแผนไว้อย่างนี้ จะได้ไม่ต้องไปฝากเป้ไว้ที่ล็อคเกอร์ของสนามบิน
สะดวกเที่ยวเต็มที่
ตกลงได้รถขนาดใหญ่จุพวกเราทั้ง 9 คนพร้อมเป้ รูดบัตรเครดิต 100 USD
\\\"วันที่ 10 ต้องเจอรถนะ หากไม่เจอ เราจะมาเจอนายที่นี่ 555\\\"
เราสำทับ พร้อมยักคิ้วให้ 1 ที
Elios Hotel มีจุดเด่นตรงที่อยู่ย่าน District 1 ก่อนหน้านี้เราเล็งไว้ 2-3 แห่ง
เกือบจองแล้ว แต่โชคดีที่ไป Search เจอฝรั่ง Review ไว้ เช่น
ทำเลดี เห็นแม่น้ำ แต่ห้องไม่มีหน้าต่าง (โอ้...แม่เจ้า แล้วจะติดแม่น้ำไปทำหยัง)
อีกที่อยู่ในย่านท่องเที่ยว แต่เสียอย่างเดียวก่อนขึ้นต้องผ่านย่านผู้หญิงกลางคืน (เอ..ดี หรือเสียกันแน่นะ?)
เดิมเราวางแผนไว้ว่า วันนี้อาจได้เดินชมสถานที่ท่องเที่ยวสักแห่ง
แต่ปรากฏว่า โฮจิมินห์มืดเ ร็วเหลือเกิน
เลยเปลี่ยนแผนไปชมตลาดเบนถัน และหาอาหารทะเลกินกัน
ออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาเดินตรงไปเพียง 5 นาที ก็ถึงตลาดเบนถัน
(Ben Thanh Market)
แต่ระหว่างทาง ชาวคณะก็ต้องวีดว๊ายกระตู้วู๊กับกองทัพแมงกะไซ
ที่ดาหน้ามาเป็นปึก พอจะข้ามถนนก็มีอาการชะงักงันว่าจะข้ามกันยังไง
ไฟเขียวไฟแดงก็ไม่มี เส้นแบ่งฝั่งถนนก็ไม่ตี
แล้วพวกแมงกะไซแม่มก็ไม่ยอมจอด ไม่ยอมชะลอเลย
เรากับมด Moda เคยเจอยังงี้มาแล้วที่ฮานอย แต่ที่เหลือและ 1 เด็ก
ยังไม่เคยพบเคยเห็น
พอข้ามมาได้ เดินดุ่ม ๆ มองไกลออกไป โอ้...ไม่น่าเชื่อ !
เจอแล้ว ๆ ลานสาวกอด!!
ตำนานความรักระบือไกลอยู่ที่นี่เอง
ณ ลานสวนสาธารณะนี้ คือ ลานสาวกอด และลานกอดสาว
กอดไม่กอดเปล่า บางรายก็คล่อมกันด้วย 555
เค๊าจอดแมงกะไซ แล้วหนุ่มก็คล่อมอาน แต่ไหง 2 คนนั้น นั่งคล่อมหากันและกัน
ผ่านลานสาวกอด ก็ไปเจอ \\\"ลานสุนทราภรณ์\\\" หนุ่มสาววัยดึกสงัด กำลังชึ่งโป๊ะ ลีลาศกันอย่างเพลิดเพลิน
อ้ายก้อยเห็นเข้า วิญญาณแทงโก้เข้าสิง ขาสั่น เอวเขย่า
ทำท่าจะเข้าไปลีลาศด้วย เราต้องรีบไปคว้ากลับมา บอก อ้ายก้อยว่า
ภารกิจเราคือ อาหารทะเล ไม่ใช่สุนทราภรณ์ จำไว้ ๆ มันถึงสงบลง
พวกเราต้องรวมพลัง 9 คน สร้างค่ายกล 12 ดาว จึงเดินข้ามถนน
ฝ่ากองทัพแมงกะไซมาฝั่งตลาดเบนถันได้
มองขวาน้ำลายต้องไหลย้อย เพราะเห็นกุ้ง หอย ปู ปลา ตาแจ๋วแหวว
คอย Present อยู่ในตู้ มองซ้ายสาว ๆ ก็ตาลุกโพลง เพราะเห็นเสื้อผ้า
เข็มขัด รองเท้า เรียงรายไปตลอดทาง กินกันก่อนดีกว่า แล้วค่อย Shopping
เดินเมียงมองร้านแรก รูปอาหารก็ไม่มี ตูจะสั่งรู้เรื่องมั๊ย คนขายก็ไม่พูดอังกฤษ...ผ่าน !
มาอีกร้าน บรรยากาศหงอยเหงา เหลาเหย่...ผ่าน !
มาถึงร้านนี้ โอ้...โหงวเฮ้งดี ฝรั่งนั่งแทะปู ลิ้นตวัดแผล๊บ ๆ น้ำลายนองเต็มโต๊ะ
ได้ฟิลมั่ก ๆ แล้วนั่นเล่า ท่าทางเหมือนคนเวียดนามก็กำลังเมามันอยู่...
เอาร้านนี้ละว่ะ
นั่งลง แล้วเดินไปที่ตู้ปลา มองหากุ้งสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คว้าตัวใหญ่ ๆ มา 9 ตัว
ให้ครบคน จะได้ไม่ต้องมาทำศึกแย่งชิง
อ้าวนั่นก็ปูวัยรุ่น สอยมาสัก 2 ตัวเ ป้ง
เห็นฝรั่งกำลังกินปูนึ่ง เลยขออนุญาติ แล้วลากพนักงานไปชี้ดู ให้รู้ว่า
ทำยังงี้นะเฟ็ย ฝรั่งที่กำลังแทะโลมปู ก็ยกนิ้วว่าเมนูนี้เด็ดสะเด่า
พวกเรามะรุมมะตุ้มสั่งอะไรต้องอะไรมาจนเต็มโต๊ะ
จะเล่าให้ฟังทั้งหมดก็ไม่เหมาะ เดี๋ยวน้ำลายจะนอง Key Board
สรุปว่าอาหารสด อร่อยมั่ก ๆ ราคาเบากว่ากินในไทย
กินกาหารทะเลสด ๆ แล้วลองจิบเบียร์เวียดนาม รสชาดเบากินง่าย
ส่วนน้ำมะพร้าวนั้น สาว ๆ บอกว่าเหมือนกับผสมน้ำตาลลงไป
ทุกคน Happy กับมื้อแรกในเวียดนาม กินกัน 9 คน ถล่มกันไป 1,694,000 ดอง
โอ้..ภูมิใจมาก ดูดีเหมือนเศรษฐี กินข้าวกันเป็นล้าน อารมณ์เหมือนกับไปเที่ยวอินโดนีเซีย
พอกินเสร็จ สาว ๆ ก็เดิน Shopping สินค้าที่เรียงรายอยู่รอบตลาดด้านนอก เพราะร้านค้าบริเวณภายในตลาดเปิดเฉพาะตอนกลางวัน
ตลาดเบนถัน (Ben Thanh Market) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2457
ตั้งอยู่บนถนนเลเลย (Le Loi) ใกล้กับจัตุรัสโฮจิมินห์ มีหอนาฬิกาด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์
ตลาดเบนถัน ได้รับความนิยมมากทั้งจากคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เพราะมีสินค้าจำหน่ายมากมาย แล้วราคาก็บ้าน ๆ
เสื้อผ้าราคาเบา ตาดีเลือกสอยก็ได้เสื้อสวย ๆ ไปใส่ แล้วยังกระเป๋า ของที่ระลึก อาหาร เครื่องเทศ ดอกไม้ งานหัตถกรรม เรือใบ ภาพเขียน
เรายังได้กาแฟเม็ดที่ยังไม่ได้บดจากที่นี่ ครึ่งกิโล ราคาถูกกว่าที่ซื้อเมืองไทยเยอะ
เวียดนามนั้นมีชื่อเรื่องปลูกกาแฟนะครับ โดยเฉพาะกาแฟชะมด
กาแฟที่นี่ว่าราคาถูกแล้ว ที่ดาลัดยังถูกกว่าอีก ไปถึงดาลัด เลยซื้อเพิ่มอีกกลายเป็น 3 กิโล
สาวๆ ดูจะมีความสุขกันถ้วนหน้า จะไม่สุขได้ยังไง ทริปนี้มาวันแรกยังไม่ได้เที่ยวซักที่ แต่ Shop กันพะรุงพะรังแล้ว
ข้าง ๆ ตลาดยังมีร้านไอศครีมโยเกิตตกแต่งทันสมัย ชื่อ Fruity อะไรสักอย่าง
เข้าไปถึงก็หยิบถ้วย ไปเลือกกดไอศครีมเอง จะกี่รส มากเท่าไรก็ว่าไป แล้วก็มาตักเครื่องเคียง
ไม่ว่าจะเป็นลูกเกด คอนเฟลค เยลลี่ ฯลฯ ตักจนหนำใจ ค่อยเอาไปชั่งน้ำหนัก ก็จะรู้ว่าราคาเท่าไร
กินอาหารทะเลอิ่มหนำ ช็อปกันสนุก ตบท้ายท้ายไอศครีมโยเกิต แล้ว พวกเราก็คลานกลับโรงแรมกัน
ดึกสงัด คืนนั้น เมื่อเดินผ่าน ลานสาวกอด ก็ยิ่งเห็นอีกหลายกอด
เอ้ากอดเข้าไ ป ๆ
ใครมีสาวมาด้วยก็กอดซะ ใครไม่มีก็สมน้ำหน้า... ราตรีสวัสดิ์
วันที่ 2 ของการเดินทาง
06.00 น. ตื่นขึ้นอย่างสดชื่น ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะคืนก่อนเดินทางได้นอนแค่ 3 ชั่วโมง
07.00 น. คว้าคูปองไปกินอาหารในโรงแรม
08.00 น. พวกเรา Check Out แล้วขึ้นรถที่ได้เช่าไว้ เบนซ์ 17 ที่นั่ง มุ่งสู่ฟานเถียด มุยเน่
ตาคนขับชื่อ ค่า สะกดว่า Kha
ก่อนเดินทางมา ก็รู้ว่าระยะทางจากโฮจิมินห์ ไปมุยเน่ 200 กิโลเมตร แต่ทำไมมันต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงฟะ อันนี้ยังงง ๆ
หรือถนนมันจะแย่เหมือนตอนเดินทางออกนอกเมืองฮานอย ?
พอรถออกตัวปั๊บ โทรศัพท์ของ ค่า ก็ดังเลย เป็นเสียงเรียกเข้าแบบโทรศัพท์บ้านรุ่นโบราณ
แล้ว ค่า ก็คุยกระหนุนกระหนิงตลอดทาง เดาว่าน่าจะคุยกับกิ๊ก
ขับออกมาก็เจอดอกที่ 1 รถติด โอ้แม่เจ้า รถมันจะติดไปทำไมขนาดนี้
ถึงตอนนี้ ก็มีคนบอกว่า อยากแวะร้านขายยา พี่ค่า แวะซื้อยาหน่อยครับ พี่แกก็พยักหน้า
ผ่านรถติดมา ก็เจออีก 1 ดอก เฮ็ย...ทำไมถึงขับแค่ 40 กว่ากิโลต่อชั่วโมงฟะ
เอ้า...โทรเข้าไป คุยเข้าไป แล้วยังขับเป็นเต่าคลาน เ อา ๆ ๆ เอากะมัน
พี่ค่า อย่าลืมแวะซื้อยาหน่อย พี่ค่าก็พยักหน้าอีก
เอ้า...โทรเข้าไป คุยเข้าไป แล้วยังขับเป็นเต่าคลาน พรุ่งนี้พวกตรู จะถึงมั๊ยเนี่ย
ค่า พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ได้แต่ยิ่มอย่างเดียว ชี้โบ้ชี้เบ๊ พูดอ้อแอ้แอ้ ๆ จนเดาได้ว่า ห้ามขับเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่เอ...แล้วทำไมคันอื่นมันขับฉิวเลยฟะ ทนไม่ไหวต้องบอกว่า
เฮ้ย ขับเร็วหน่อย มีคนขี้จะแตกแล้ว !
ทีนี้ไม่มุกครับ มีคนท้องเสียหนัก บอกว่าขี้จะไหลแล้ว
ไม่ไหวแ ล้วช่วยหาส้วมให้เข้าหน่อย แล้วมรึงช่วยแวะร้านขายยาด้วย บอกไปหลายครั้งแล้ว เราไม่ได้พูด แต่คนท้องเสียพูด
คราวนี้ ค่าก็ตกใจเ ลย นั่น ๆ มันลืมแ วะร้านยา ที่นี้ว่องเลย จอดปั๊บตรงหน้าร้านขายยา
เรากับคนไ ส้ทะลักรีบวิ่งลงไป จนได้ยามา
แล้วคนขับก็พาพวกเราไปแวะปั๊ม ให้พรรคพวกไปเปิดกองถ่าย
นี่ครับ ห้องส้วมออกแบบได้เฉียบขาด เน้นบรรกาศ โล่งโปร่งสบาย
ออกแบบได้เหมาะกับคนท้องเสียอย่างยิ่ง (ฮา)
สาวยุ้ยพอเข้าห้องปุ๊บ ก็เจอประตูดีไซน์ใหม่ ไม่มีกลอน !
ต้องให้แมน คอยเอามือยันไว้ด้านนอก - ตามภาพเลยคร๊าบบ
ที่หนักกว่านั้นคือในห้องส้วมไม่มีน้ำ (ฮา)
แมนก็เลยต้องคอยตักน้ำส่งให้เพื่อนที่ขี้แตกทีละขัน ๆ (อีกฮา)
ไ ม่อยากจะนึกว่าคนที่คอยตักน้ำ จะผะอึดผะอมขนาดไหน
นี่แหละน๊า....เพลงบอกว่า \\\"ถ้าไม่ใช่แฟน ทำแทนกันไม่ได้\\\"
ส่วนนี่ \\\"ถ้าไม่ใช่เพื่อนแท้ ทำแทนกันไม่ได้\\\"
พอพ้นเขตคุมความเร็ว ค่าก็บึ่งรถ ทุกคนเริ่มเบาใจ หลับกันทีละคน 2 คน หลับกันเพลิน ๆ แล้วก็ \\\"ตูม !\\\"
คราวนี่หนักเลย ถนนเละเทะเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดหนัก แ บบผิวดวงจันทร์
รถต้องค่อย ๆ โขยก เขยก กระเด้งกระดอน
จนพรรคพวกที่หลับตื่นจนหมดทั้งคัน กว่าจะผ่านไปได้เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เ ชื่อแล้วว่าทำไมต้องวิ่ง 4 ชั่วโมง
แล้วรถก็ค่อยวิ่งฉิว ลิ่วไ ปจนตลอดทาง
แล้วก็ถึง.....\\\"ฟานเถียด\\\" (Phan Thiet), \\\"มุยเน่\\\" (Mui Ne)
ที่ซึ่งพวกเราจะมาเที่ยวธรรมชาติแปลกตา
จากฟานเถียดมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเพียง 22 กิโลเมตร ก็จะพบกับมุยเน่ หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ น่ารัก
ปัจจุบันมุยเน่กลายเป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยม เพราะอยู่ไม่ไกลจากโฮจิมินห์สักเท่าไร (เหรอ?)
ที่นี้ได้ชื่อว่ามีชายหาด และเกาะแก่งงดงาม ที่เหลือเชื่อก็คือมีทะเลทรายอีกด้วย
ขับหารีสอร์ตที่ได้จองไว้
มองเน้นไปทางขวา เพราะเป็นฝั่งที่ติดทะเล
เห็นรีสอร์ตตลอดทาง เล็กบ้างหรูบ้าง รถขับไล่ลงไปเรื่อย ๆ
แล้วก็พบ Dynasty Beach Resort
www.dynastyresorts.com
ห้องละ 1,880 บาท รวมอาหารเช้า
ไป Check In, สำรวจที่พักก็สมใจ เพราะติดชายหาดจริง ๆ
แล้วก็สวยงามกว่าที่คิด เดิมทั้ง 4 ห้องนั้นเราจองราคาต่ำสุดคือโซนติดสวน
ปรากฏว่าได้แค่ 3 ห้อง อีกห้องจองแพงขึ้นอีกนิด เพิ่ม100 บาท แต่ได้ติดทะเล
โรงแรมตกแต่งสไตล์ Traditional Vietnamese มี Courtyard
แวดล้อมด้วยสวน และหาดส่วนตัว
เที่ยงแล้วกินอะไรดี ? พวกเราขึ้นรถจนครบ แ ล้วหันไปบอกโชเฟอร์
\\\"พวกเราคนไทย อยากชิมอาหารเวียดนามมั่ก ๆ กรุณาจัดมา ทั้งเฝอ กับพวกแหนมเนือง และกุ้งพันอ้อย\\\"
มันพยักหน้ารับ บิดกุญแ จ ดับเครื่องยนต์เฉยเลย ว่าแล้วก็จูงพวกเราข้ามถนนน้อยหน้าโรงแรม เดินอีก 5 ก้าว
ไปหยุดที่ร้านอาหารตรงข้ามโรงแรม บอกว่าร้านนี้เด็ด
โห...เล่นกันง่าย ๆ อย่างนี้เลยเว๊ย
แต่คนเราอย่าไปปรักปรำใครง่าย ๆ อาจเด็ดจริงก็ได้
เปิดดูเมนู ไม่มีรูป ลองสั่งโน่นนี่ อยากรู้ว่าจะเด็ดขนาดไหน
เด็ดบ้าอะไร ไม่อร่อยเลย แม้กระทั่งข้าวผัดกับไข่เจียวสำหรับเด็ก ก็ยังทำไม่เป็น
แล้วที่เวียดนามก็ทอดไข่เจียวแปลกมาก ยังกับใส่แป้งหรืออะไรลงไปด้วย เจอมา 2-3 ร้านซ้อน ไข่ที่ใช้ก็น่าจะเป็นไข่เป็ด ไม่ใช่ไข่ไก่
ดังนั้น อย่าให้บอกหรือลงรูปเลยว่าร้านชื่ออะไร
พวกเราเดาว่าเจ้าของร้านอาจจะเป็นกิ๊กกับโชเฟอร์ หรือม่ายก็แอบชอบ ๆ กันอยู่
มารู้ทีหลังว่า พวกแหนมเนือง และกุ้งพันอ้อยนั้นเป็นอาหารของเวียดนามเหนือ
ในเวียดนามใต้ตามร้านริมถนนไม่มีให้ทาน นอกจากบางร้านเท่านั้น เท็จจริงเช่นไร วานผู้รู้มาเฉลย
กินอิ่มแบบอึ้งๆ กันถ้วนหน้าแล้ว เราก็คว้าแผนที่มาชี้ ๆ ให้ ค่าดู
พร้อมบอกว่าบ่ายนี้อยากชมอะไร
ดูท่า ค่า คงอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกพูดก็ไม่ค่อยได้ ดีที่เรามีรูปไปจิ้มให้ดู
เราพูดชื่อ
\\\"ค่า\\\" พูดทวน แบบย้ำคิดย้ำทำ แล้วก็สตาร์ทรถ
ขับมาแป๊บเดียว ค่า ก็จอดที่ริมทางเฉยเลย
อ้าวจอดทำไม ?
ถึงแล้ว ค่าคงจะพูดอย่างนี้ เรามองออกไป
อ๋อ...หมู่บ้านชาวประมง
เออ...ใกล้ดีเนอะ
พวกเราลงจากรถ แม่ค้าก็เริ่มมามะรุมมะตุ้ม
มองไปสุดตา เห็นหมู่เรือประมงสี Blue เรียงราย
ใกล้ ๆ ชาวประมงกำลังลากอวน
แล้วยังเห็นเรือหาปลาทรงกลม รูปร่างแปลกตา
\\\"มุยเน่\\\" ยังเป็นที่ซึ่งเหมาะกับการเล่นวินด์เซิร์ฟ
ถึงกับมีคนกล่าวกว่า \\\"มุยเน่ \\\" นั้น
เป็นเมืองหลวงแห่งวินด์เซิร์ฟของประเทศเวียดนาม
ชมกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็บอกว่าช่วยพาไปเที่ยว White Sand Dunes หน่อย
ค่า ขับรถไปอีก 1 แป๊บแล้วก็จอด
ถึงแระ
เฮ้ย!...อะไรจะใกล้กันขนาดนี้ ปรากฏว่าที่เที่ยวในมุยเน่แต่ละที่ ใกล้กันจริง ๆ
แล้วค่าก็สื่อสารว่าพวกเอ็งไปเหอะ ตูจะคอยอยู่ที่นี่
จากทางเข้าเห็นป้ายเขียนชัดเจน 2 ภาษา คือภาษาเ วียดนาม และภาษาอังกฤษ
เ อ...ใช่ภาษาอังกฤษเปล่าหว่า เพราะเขียนยังงี้ \\\"Whites San Dune\\\"
แล้วบอกเสร็จสรรพว่าเดินไป 200 ม.
มองไป White Sand Dunes อยู่ลิบ ๆ ระหว่างทางเห็นม้ากำลังกินมื้อเที่ยง
เดินเข้าไปอีกนิด ก็ต้องตกตะลึง อ้าปากค้าง \\\"เฮ้ย...ฝรั่งแก้ผ้าอาบน้ำ !\\\"
โอ้...แม่เจ้า
นี่ไง ฝรั่งแก้ผ้าอาบน้ำ Sexy มั๊ยครับ อิอิ
สงสัยกำลังล้างทรายที่ติดมาตอนเล่นสไลเดอร์
เอ้า หนุ่ม ๆ อย่าเพิ่งเซ็ง เดี๋ยวมีสาว ๆ มาฝาก น่ารักด้วย ขอบอก
สัมผัสแล้ว...
White Sand Dunes
White Sand Dunes หรือ Bao Trang(White Lake)
เป็นสถานที่ห้ามพลาด
เนินทรายที่นี่งดงามแปลกตา
ดูแล้วเหมือนทะเลทรายในทวีปแอฟริกา อย่างอียิปต์
เราไปตอนบ่าย
แดดแรง ฟ้าจัด
ตอนเดินเข้าไป นึกว่าไม่มีใครมาเที่ยว
ที่ไหนได้ มีอยู่พอควรทีเดียว
ทั้งคนเวียดนาม และยุโรป
อ่านเจอว่าเกิดจากลมทะเลพัดทรายขึ้นมากองรวมกันกลายเป็นเนิน เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว
ในปี 1867 กวีชื่อ Ngugen Thong มาแบ็คแพ็คที่นี่
แล้วเห็นความงดงามของทะเลสาบจึงรจนาบทกวีที่โด่งดังไปทั่วเวียดนาม
ปัจจุบันนักร้องแกรมมี่-อาร์เอสของเวียดนาม ก็นิยมมาถ่ายทำ MV ที่ White Sand Dunes กันมั่ก ๆ
หากแ ปลชื่อจากภาษาอังกฤษ ก็น่าจะเรียกว่า \\\"เนินทรายขาว\\\"
ทีนี้ดู ๆ ไปก็ละม้ายทะเลทราย เลยมีคนเรียกว่าทะเลทราย
Sand Dunes ที่มุยเน่มีหลายสีครับ อย่างที่นี่สีขาว ถัดไปสีเหลือง และอีกที่สีแดง
แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไป
ใกล้สาวงาม
เม็ดทรายที่ว่าสวย
เมื่อสาวเจ้ามาเคียงข้าง
ทะเลทรายก็ยิ่งงดงามเป็นประกาย
สาวงาม แต่เสียอย่างเดียวที่เธอลืมถอดนาฬิกาออก
จะเข้าไปช่วยก็ใช่ที่
แล้วก็เห็นเรา
เธอยิ้มให้
น่ารักจัง
หวังว่า หนุ่ม ๆ ได้ชมแล้ว จะอิ่มใ จ
ตอนเราถ่ายรูปเธอ ก็ชื่นใจจัง
White Sand Dunes หรือ Bao Trang (White Lake) มีทะเลสาบ 3 แห่งคือ Bau Ong ขอเรียกเองว่าทะเลสาบหนุ่ม (Gentleman Lake),
ถัดมาก็ Bau Ba นี่ก็ขอเรียกเองว่าทะเลสาบสาว (Lady Lake) เอะยังไง สาบสาว
กรุณาอ่านติดกัน และเว้นจังหวะให้ดีว่า ทะเลสาบ...สาว จะเข้าที ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด
และสุดท้ายคือ Bau Xoai หรือทะเลสาบมะม่วง (Mango Lake) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุด
White Sand Dunes เมื่อเทียบกับอียิปต์ ก็คล้ายทะเลทราย ซีร็อกย่อ
แล้วไป ๆ มาๆ ที่นี่ก็สะอาดสะอ้าน สวยงามกว่าแถวมหาปิรามิดซะอีก
ใครอยากไปอียิปต์เพื่อสัมผัสทะเลทราย แต่จังหวะยังไม่เหมะงบยังไม่มี
ลองแคะกระปุกมาเที่ยวที่มุยเน่ซะก่อน
น่าจะดีนะครับ
มาถึงที่ี่นี่ ไม่เล่นสไลเดอร์ ก็จะเสียเที่ยว
แผ่นสไลด์เดอร์ก็บ้าน ๆ ดี เป็นแผ่นพลาสติกบาง ตั้งลำอยู่บนเนินสูงพอประมาณ
แผ่นสไลเดอร์ก็มีที่ให้มือ 2 ข้างจับ แล้วนั่งขัตมาท เค๊าทำท่าบอกให้นอนเอนหลังลงไป
แต่เราไม่ยอม เ พราะอยากดูไง เลยเงยตัวขึ้นจะได้เสียว ๆ ทีนี้พอได้ที่ก็ถูกผลักลงมา ตูม!
ไหลจากเนินทรายสูง ไถลลงมา ช่วงแรกก็สมูธดี สนุกจัง
ดิ่งลงมาสักพัก เริ่มลงแรง ยิ่งบวกกับแรงโน้มถ่วงของโลก แล้วตัวที่เรายกขึ้นมอง เลยส่งแรง สไลด์พรวดเดียว
ดิ่งรวดเร็ว ตูมสุดทางเลย โหย สนุกจริง ๆ
ปรากฏว่าเค๊าให้พวกเราเล่นตรงจุดที่ข้างล่างมีเนินเป็นตัวหยุด
หากไม่มีคงจะไหลไถลไปถึง Yellow Sand Dunes แล้ว
ผู้ว่าการท่องเที่ยวอียิปต์น่าจะมาดูงานนะ จะได้จำไปเล่นแถวมหาปิรามิด
น้องปัน ลูกของก้อยกับน้อย ก็เล่นคนเดียวซะ 10 รอบ คุ้มสุด ๆ
เล่นลไลเดอร์คนละ 50,000 ดอง รวม 9 คน
แล้วก็ให้ทิปไปอีก โทษฐานทำดี คอยจูงสาว ๆ ขึ้นเนิน
หยิบรีโมทมาถ่ายรูปหมู่
1-2-3 เอ้า กระโดด
1-2-3 เอ้า กระโดด
โอ้... กระโดด 9 คนพร้อมกัน มันลงตัวยากแฮะ เอาใหม่
โปรดสังเกตว่า มีอยู่คนนึงไม่ยอมกระโดด
คงทายไม่ยากว่า คนนั้นคือคนที่ขี้แตกระหว่างทาง แ ล้วยังท้องเสียหนักตลอดทั้งทริปเลย
ต้องชมว่า ท้องเสียวันละ 8 รอบ แล้วรอดมาได้เนี่ย ต้องไม่ธรรมดา
1-2-3 เอ้า กระโดด
คนเวียดนามเดินผ่านมา ทำท่าว่าเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นกระโดดกลุ่ม
ก็นึกสนุกขอจอยด้วย ยินดีคร๊าบบบบ
1-2-3 เอ้า กระโดด
1-2-3 เอ้า กระโดด
555 ไม่เวิร์ค ๆ ๆ หนำซ้ำยังมาทำเสียของอีก 555
3-4 คนทางขวา คือ คนเวียดนาม
ลมพัดผ่าน
ปั้นแต่งทราย งดงามดั่งประติมากรรม
เส้นโค้งของเนินทราย อ้อยอิ่งกับขอบฟ้า มองออกไปโล่งสุดสายตา
ชีวิตนี้ช่างน่ารื่นรมย์เสียจริง
ใกล้ค่ำแล้ว ต้องลาจาก White Sand Dunes
ไปโพล้เพล้ที่ Yellow Sand Dunes
แล้วอาทิตย์ก็ลาลับ...
ราตรีสวัสดิ์...
เม็ดทรายสีเหลือง
เวียดนามเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ
มาบอกข้อมูลขนาดนี้ เที่ยวตามได้เลย ขอบคุณจ้า
รีวิวเยี่ยม ภาพสวย เอ...จะไปเที่ยวเองได้มั๊ย หรือว่ามีทัวร์จัดไปมุยเน่ด้วย
ตอน 3 จะมาเมื่อไรน๊า รอ ๆ ๆ
ยังกับทะเลทรายอียิปต์ อิอิ ไม่เคยไปหรอกนะ ดูแต่ภาพ
แล้วทะเลยทรายที่นี่ กว้างใหญ๋ขนาดไหน ร้อนมั๊ย
ขอบคุณจ้า
เวียดนามจริง ๆ ครับ คุณ Lost World
เนินทรายกว้างพอสมควรครับ อากาศเย็นสบายเพราะใกล้ทะเล