มรดกโลกใกล้บ้านเรา ไปง่าย สะดวก และค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงค่ะ
เริ่มที่ ปราสาทองค์ใหญ่ \\\"นครวัด\\\" ที่ตอนนี้มีการบูรณะ ตัวปราสาทชั้นในสุดปิดชั่วคราว
ไม่สามารถปีนบันได (หน้าแคบเท่าฝ่าเท้า) ขึ้นไปชมได้ค่ะ
ความคิดเห็น (34)
นั่งรถ Toyota Camry มาจนถึงเมืองเสียมเรียบ
ก็มานี่เลย หม่ำมื้อเที่ยงมื้อแรก อาหารอร่อยค่ะ
โดยเฉพาะปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบ ฮืมมม ยังนึกถึงรสชาติและกลิ่นกระเทียมหอม ๆ ได้อยู่นะเนี้ยะ...
อิ่มแล้ว นำสัมภาระเข้าที่พัก ก็ไปชมทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกันต่อ
แต่ก่อนจะถึง เก็บภาพแม่น้ำสายสำคัญของเมืองเสียมเรียบมาฝากกันก่อนค่ะ
ถึงแล้วค่า \\\"โตนเลสาบ\\\" ทะเลสาบน้ำจืด ก็ต้องล่องเรือชมวิถีชีวิตของประชากรที่นี่
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวเวียดนามค่ะ รัฐบาลกัมพูชาให้อยู่อาศัยได้แต่ในนี้
โดยเป็นบุคคลไร้สัญชาติค่ะ ในภาพคือโรงเรียนลอยน้ำ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีค่ะ
ดูเวิ้งว้าง เหงา ๆ เนอะ แต่วันนี้ฟ้าใสกิ๊กเลยค่ะ
ฟ้าเป็นฟ้า มีเมฆกระจายตัวอยู่ทั่วไป แดดร้อนมั่ก ๆ ค่ะ
บ้านลอยน้ำ มีอยู่สองฟากฝั่ง หากบ้านไหนเลี้ยงหมู ก็จะมีคอกหมูลอยน้ำค่ะ
คิดดูละกัน สภาพน้ำที่มีของเสียทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ดีที่ว่าทะเลสาบมันกว้างใหญ่ ไม่งั้นมีเหม็นเน่าแหงม ๆ
เย็น ๆ ก็ไปรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่พนมบาเค็ง
ต้องเดินขึ้นไปนะคะ ไกลพอดู ติดไปฉายไปด้วยเพราะขาลงจะมืดค่ะ
ผู้คนทั้งหัวดำ หัวแดง ต้องพากันค่อย ๆ ปีนขึ้นไปบนจุดชมวิวที่ถือว่า
เป็นไฮไลท์ในการดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
สาละวันเตี้ยลง ๆ แล้วคร้าบบบ
ผู้คนเยอะแยะ ซ้ายมือหันไปถ่ายพระอาทิตย์ตก
ส่วนขวามือ พระจันทร์จะมาทำหน้าที่หน้าแล้วค่ะ
พระจันทร์สีนวลตามาแล้วค่า
ไว้จะมาแปะต่อนะค้า
คำบรรยายพิมพ์ผิดไปบ้างเพราะคีย์เร็ว และไม่ได้ตรวจสอบก่อนจะ reply
ขออภัยด้วยค่ะ จะพยายามให้ผิดน้อยลงค่ะ (เพราะเราอ่านเองแล้วรำคาญใจ *_*)
ภาพสวยมากครับ... อยากชมอีก...
ภาพสวยมากครับ... อยากชมอีก...
ภาพสวยมาก อยากไปสัมผัสด้วยตัวเอง
มาลงต่อค่ะ
หลังจากเพลียมาทั้งวัน ดูพระอาทิตย์ตกไปแล้ว เราก็มาทานอาหารเย็นกันที่นี่ค่ะ
มีโชว์รำต่าง ๆ ของศิลปะเขมร และไฮไลท์คือ นางอัปสรา สวยมากเลยค่ะ
รำอีกชุดค่ะ ภาพอาจจะเบลอ ๆ ไม่ค่อยชัดนะ เพราะถ่ายด้วยมือ ไม่มีขาตั้งกล้องค่ะ
อิ่มเอิบทั้งอาหารการกินและรำสวย ๆ แล้วก็ไปนอนพักผ่อน
วันนี้เราตื่นแต่เช้ามืดไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดกันค่ะ
เริ่มเห็นแสงตะวันมาแต่ไกลเลยค่ะ
แสงเริ่มจ้า และเริ่มหิวแล้วไปทานมื้อเช้ากันเหอะพวกเรา
หันหลังกลับก็จะได้ภาพท้องฟ้าแบบนี้ค่ะ
คนเริ่มเดินออกไปกันแล้ว บริเวณทางเข้า-ออกเข้าสู่นครวัด จะมีบารายล้อมรอบค่ะ
ทานมื้อเช้าเรียบร้อย ก็มาเดินดูในนครวัดกันต่อ เริ่มด้วยนางอัปสราแสนสวย
ที่นครวัดมีนางอัปสราเยอะมากค่ะ แต่มีองค์เดียวในปราสาทแห่งนี้ที่ยิ้มเห็นฟันค่ะ
ระเบียงก็จะมี ลูกมะหวด ทำด้วยหินทรายที่ไม่รู้สลักได้ยังไง ถึงได้กลมกลึง...
ทึ่งและอึ้งกับฝีมือของช่างสมัยโบราณค่ะ
เข้าไปถึงตัวปราสาทกันค่ะ บริเวณนี้จะเป็นผนังยาวล้อมรอบตัวปราสาท
จะเป็นแผ่นหินที่สลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวความเชื่อทางศาสนา
(อะไรบ้างนั้น จำไม่ได้ค่ะ ตอนนี้คู่มือก็ให้ไกด์ทางนู้นไปแล้ว ฮี่ ๆ )
ศิลปะการแกะสลักนับวันจะเสียหาย เพราะนักท่องเที่ยวที่ไปชม
ต่างก็เอามือมัน ๆ ไปลูบ-จับภาพ (โดยเฉพาะหน้าอกของนางอัปสรา มันแว้บบบ) คราบน้ำมันบนฝ่ามือทำให้ภาพแกะสลักหิน เงาวับอย่างที่เห็น
และตอนนี้ทางกัมพูชาได้เอาเชือกมากั้นเพื่อป้องกันคนมือบอนค่ะ
แม้แต่บนเพดานก็ยังมีความอ่อนช้อยนะคะเนี่ยะ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
จากชั้นนอก วกเข้าไปชั้นในกันต่อดีกว่าค่ะ เดินตั้งนานยังไม่ทั่วเลย
เริ่มหมดแรงแล้วเพราะแดดที่นี่ร้อนแรงมาก ๆ ค่ะ
เข้าด้านหน้า แต่ตอนออกสามารถเดินกลับเส้นทางเดิม
และออกด้านหลังของปราสาทเหมือนพวกเราค่ะ
บ้านเรือนของชาวกัมพูชาระหว่างทางไปปราสาทบันทายศรีค่ะ
มาถึงแล้วค่า...ปราสาทบันทายศรี ถึอได้ว่าเป็นอัญมณีของมกดกโลกแห่งนี้
เป็นปราสาทแห่งเดียวที่ทำจากหินทรายสีชมพู ซึ่งยังไม่ทราบว่าคนโบราณ
เค้าเอาหินทรายสีชมพูมาจากไหน เพราะแหล่งหินทรายที่นำมาสร้างนครวัด นครธม เอามาจากเขาพนมกุเลนก็ไม่มีหินทรายชนิดนี้ค่ะ