กลับหน้ารายการ

\\\'พาที\\\'หน้าบาน นกแอร์พ้นโคม่า คืนสวัสดิการทันที

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2395 25 ม.ค. - 28 ม.ค. 2552
\\\'พาที\\\'หน้าบาน นกแอร์พ้นโคม่า คืนสวัสดิการทันที
\\\"พาที\\\" เบรกแผนเพิ่มทุน มั่นใจนกแอร์พ้นไอซียู หลังกำไรติดกันไม่ต่ำกว่า 3 เดือน คาดล้างขาดทุนร่วม 200 ล้านบาทได้ในเร็วๆนี้ ใจป้ำคืนสวัสดิการให้พนักงานและผู้บริหารเหมือนเดิม ทั้งเดินแผนขยายธุรกิจปี 52 เน้นช้าแต่ชัวร์ โดยเปิดบินรูตแรกของปีสู่ภูเก็ต จากที่ดาวน์ไซซ์มาร่วมครึ่งปี พร้อมรุกเจรจาพันธมิตรหวังขยายฐานรายได้จากค่าคอมมิสชัน ประเดิมขาย


ทราเวล อินชัวรันซ์ ของเมืองไทยประกันชีวิต


นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นกแอร์ จำกัด เปิดเผยกับ\\\"ฐานเศรษฐกิจ\\\"ว่า ในขณะนี้บริษัทไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการจัดทำแผนเพิ่มทุน เพื่อฟื้นฟูสถานภาพทางการเงินของบริษัท หลังจากต้องประสบปัญหาการขาดทุนนับจากเดือนกรกฎาคม 2551 อันเป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา


สำหรับสถานการณ์ของนกแอร์ในขณะนี้ต้องเรียกได้ว่าออกจากห้องไอซียูแล้ว อยู่ระหว่างการทำกายภาพบำบัดและมีแนวโน้มอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากผลประกอบการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2551ซึ่งบริษัทมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจ 82 ล้านบาท และในเดือนมกราคม2552 มีกำไรอยู่ที่ 30 ล้านบาท สรุปผลประกอบการในปี2551นกแอร์มีภาระการขาดทุนอยู่ราวเกือบ 200 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาการขาดทุนได้ทั้งหมดในเร็วๆนี้ เพราะบริษัทสามารถทำกำไรสะสมได้ต่อเนื่องทุกเดือน


โดยผลประกอบการที่ทำกำไรของนกแอร์ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากแผนการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนพนักงานจาก998 คน เหลือ 555 คน การลดค่าใช้จ่ายเงินเดือนของบริษัทลง20%ทั้งระดับพนักงานไปจนถึงผู้บริหาร การลดจำนวนเที่ยวบินจาก60เที่ยวบินต่อวันจาก 11 เส้นทางบินเหลือประมาณ 28 เที่ยวบินต่อวันจาก 5 เที่ยวบิน และการคืนจำนวนเครื่องบินที่เช่าไว้กว่า 10 ลำเหลืออยู่เพียงโบอิ้ง737-400 จำนวน 3 ลำ


รวมถึงการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันมาอยู่ที่เฉลี่ย 40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จากที่เคยขึ้นสูงสุดกว่า139 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล นอกจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงนกแอร์ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นเพราะจำนวนผู้โดยสารเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอากาศดีและสถานการณ์การเมืองคลี่คลายหลังการเมืองเปลี่ยนขั้วใหม่ ประกอบกับจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการน้อยกว่าความต้องการของผู้เดินทาง และนกแอร์ยังได้รับอานิสงส์จากการปิดสนามบินในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำเครื่องไปให้บริการแบบชาร์เตอร์ไฟลต์ขนนักท่องเที่ยวไปต่อเครื่องบินที่สิงคโปร์และมาเลเซียด้วย


นายพาที กล่าวต่อว่าแม้ผลประกอบการของนกแอร์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวมของไทยในช่วงไตรมาส 2และไตรมาส 3 ทำให้แผนการขยายธุรกิจของนกแอร์ในปี2552 จะเน้นการเติบโตแบบมั่นคงหรือช้าแต่ชัวร์ โดยไม่มีแผนเปิดจุดบินระหว่างประเทศ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวแต่จะโฟกัสการเปิดเส้นทางบินเฉพาะเส้นทางบินในประเทศเท่านั้น


โดยในปีนี้จะเริ่มเปิดบินกรุงเทพฯสู่ภูเก็ต เป็นเส้นบินแรกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ขายตั๋วราคาเริ่มต้นที่1,490 บาทต่อเที่ยว(ราคาสุทธิรวมค่าภาษีต่างๆแล้ว)การเปิดจุดบินใหม่เข้าภูเก็ตหลังจากหยุดบินไปก่อนหน้าเพื่อดาวน์ไซซ์องค์กร ส่งผลให้ปัจจุบันนกแอร์จะมีจุดบินรวม 6 เส้นทาง ได้แก่ หาดใหญ่ เชียงใหม่ อุดรธานี นครศรีธรรมราช ตรังและภูเก็ต


นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทจะเน้นขยายฐานรายได้ ในลักษณะการกินส่วนแบ่งคอมมิสชันสำหรับการขายบริการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการขายทราเวล อินชัวรันซ์ ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ผ่านทางเว็บไซต์ของนกแอร์ ซึ่งผู้โดยสารเมื่อจองตั๋วเครื่องบินของ


นกแอร์ ก็ยังสามารถซื้อทราเวล อินชัวรันซ์ได้ ก็จะได้รับความคุ้มครองตลอดการเดินทางรวมถึงรับผิดชอบกรณีกระเป๋าหายด้วย


อีกทั้งในขณะเดียวกันก็จะร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆ ที่จะขายบริการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มรายได้จากค่าคอมมิสชันในการขายมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาบริการเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การเปิดให้สั่งจองอาหารล่วงหน้าบนเว็บไซต์ ซึ่งผู้โดยสารขึ้นเครื่อง อาหารที่จองไว้ก็จะถูกนำมาเสิร์ฟให้ทันที โดยอาหารดังกล่าวทางนกแอร์ได้จ้างบริษัท จิตมาศ จำกัด เป็นผู้ผลิตอาหารขึ้นเครื่องของ


นกแอร์


นายพาที ยังกล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องของการย้ายฐานการบินจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมินั้น ยอมรับว่าในขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกับนายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะทำงานฟื้นฟูธุรกิจการบินและพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ ก็เข้าใจว่าเป็นนโยบาย นกแอร์พร้อมจะย้าย แต่คงต้องใช้เวลา เพราะต้องมีการเตรียมงานล่วงหน้าในหลายเรื่อง ทั้งการปรับตารางบิน ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท รวมไปถึงการจัดตั้งสำนักงาน หรือเคาน์เตอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งก่อนหน้านี้นกแอร์ได้คืนพื้นที่ไปหมดแล้ว ดังนั้นการจะย้ายกลับก็ต้องมีการหารือในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้ด้วย


อนึ่งนกแอร์ จัดตั้งมาตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท บริษัทร่วมทุนประกอบไปด้วยการบินไทย 39% ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 10% บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)10% กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 10% บริษัททุนลดาวัลย์ จำกัด (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) 6% บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด 5% กองทุนเปิดไทยทวีทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)จำกัด 5% บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด 5% และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ 10%

http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0123954&issue=2395 />

ยังไม่มีความคิดเห็นในกระทู้นี้

กลับหน้ารายการกระทู้