จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2395 25 ม.ค. - 28 ม.ค. 2552
ฟันธงปี 52 ได้ทัวริสต์14 ล้านคน เหตุQ1ไฮซีซันนักเที่ยวหาย2ล้านคน \\\"แอตต้า\\\"แนะรุกหนักตลาดเอเชีย-ตะวันออกกลาง
\\\"แอตต้า\\\"ฟันธงท่องเที่ยวปี 52 ทัวริสต์ได้แค่ 14 ล้านคน สร้างรายได้ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท เหตุไตรมาสแรกเป็นไฮซีซันแต่นักท่องเที่ยวหายแล้วกว่า 2 ล้านคน แนะรุกตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง ด้าน\\\"วีระศักดิ์\\\"เล็งตัดงบสปอนเซอร์หลังโดนเอกชนรุมทึ้งหนัก ล่าสุดกรอ.อนุมัติงบการตลาดให้ททท.อีก 1,000 ล้านบาทโปรโมตตลาดต่างประเทศ
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจบริการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยกับ \\\"ฐานเศรษฐกิจ\\\" ว่า แอตต้าและสมาคมโรงแรมไทยจะจัดประชุมสมาชิกร่วมกันเพื่อสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวปีที่ผ่านมา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์และแนวโน้มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในปี 2552 โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อเสนอที่ประชุมของภาคเอกชนวงการท่องเที่ยว ที่มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นประธาน
ทั้งนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวเมื่อปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพียง 14 ล้านคนเท่านั้น และมีรายได้การท่องเที่ยว 4.8-5 แสนล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท.ประเมินไว้จำนวน 14.5 ล้านคน และรายได้ 5.3 แสนล้านบาท เพราะมีการชะลอตัวตั้งแต่การจัดโอลิมปิก หลังจากนั้นก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองไทย
ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยแค่ 14 ล้านคน และมีรายได้ท่องเที่ยวไม่เกิน 5 แสนล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกซึ่งเป็นไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น มีปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง โดยคาดว่าจะหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ซึ่งวัดได้จากอัตราเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในภูเก็ตมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยเพียง 60% เท่านั้น จากปกติกว่า 80-90%
ดังนั้นแนวทางในการบุกตลาดท่องเที่ยวในปีนี้จะต้องเน้นการรุกเอเชียและตลาดตะวันออกกลางเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยตลาดเอเชียจะเน้นเจาะตลาดจีน อินเดีย ไต้หวัน ญี่ปุ่นเป็นหลัก ขณะที่ตลาดระยะไกลอย่างตลาดยุโรปจะต้องเลือกรุกเฉพาะบางตลาดเท่านั้น อาทิ สแกนดิเนเวีย ฟินแลนด์ ฮอลแลนด์ ส่วนตลาดฝรั่งเศสยังพอไปได้แต่อาจจะไม่เติบโตมากนัก ส่วนตลาดอังกฤษ เยอรมนีมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างแน่นอนจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจ
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ดททท.) กล่าวว่า ททท.จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอสปอนเซอร์ต่างๆ เพราะปีนี้มีการขอสปอนเซอร์เข้ามาจำนวนมาก ขณะที่หลายหน่วยงานลดงบประมาณด้านสปอนเซอร์ อาทิ การบินไทย ซึ่งเคยให้สปอนเซอร์สำหรับงานที่จัดเป็นประจำทุกปี แต่หลังจากนี้ปรับลดลง และอาจจะให้งบประมาณเฉพาะหน่วยงานที่ครีเอตงานขึ้นใหม่ๆเท่านั้น
สำหรับงบประมาณด้านการตลาดนั้น ล่าสุดคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้รับอนุมัติงบกลางปี 2552 จำนวน 1,000 ล้านบาทในการส่งเสริมตลาดโดยคาดว่าจะใช้งบนี้ส่งเสริมต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอนุมัติงบจำนวน 450 ล้านบาทสำหรับส่งเสริมตลาดในประเทศ ขณะที่งบส่งเสริมตลาดต่างประเทศจำนวน 325 ล้านบาทอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเวลาออกโรดโชว์ของแต่ละหน่วยงานแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกับที่กระทรวงการต่างประเทศเข้าพบ จึงทำให้ยากต่อการทำงาน
นอกจากนี้ยังจะมีแผนจัดประชุมสัมมนาภาคเอกชนในวงการท่องเที่ยวทั้งหมดในวันที่ 30 มกราคมนี้ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน พร้อมทั้งมีแนวคิดที่จะปรับเป้ารายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นอีก จากเป้าหมายเดิมที่ททท.ได้ปรับลดเป้าหมายลง(
http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=R402395Z&issue=2395 />
ฟันธงปี 52 ได้ทัวริสต์14 ล้านคน เหตุQ1ไฮซีซันนักเที่ยวหาย2ล้านคน \\\"แอตต้า\\\"แนะรุกหนักตลาดเอเชีย-ตะวันออกกลาง
\\\"แอตต้า\\\"ฟันธงท่องเที่ยวปี 52 ทัวริสต์ได้แค่ 14 ล้านคน สร้างรายได้ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท เหตุไตรมาสแรกเป็นไฮซีซันแต่นักท่องเที่ยวหายแล้วกว่า 2 ล้านคน แนะรุกตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง ด้าน\\\"วีระศักดิ์\\\"เล็งตัดงบสปอนเซอร์หลังโดนเอกชนรุมทึ้งหนัก ล่าสุดกรอ.อนุมัติงบการตลาดให้ททท.อีก 1,000 ล้านบาทโปรโมตตลาดต่างประเทศ
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจบริการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยกับ \\\"ฐานเศรษฐกิจ\\\" ว่า แอตต้าและสมาคมโรงแรมไทยจะจัดประชุมสมาชิกร่วมกันเพื่อสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวปีที่ผ่านมา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์และแนวโน้มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในปี 2552 โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อเสนอที่ประชุมของภาคเอกชนวงการท่องเที่ยว ที่มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นประธาน
ทั้งนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวเมื่อปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพียง 14 ล้านคนเท่านั้น และมีรายได้การท่องเที่ยว 4.8-5 แสนล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท.ประเมินไว้จำนวน 14.5 ล้านคน และรายได้ 5.3 แสนล้านบาท เพราะมีการชะลอตัวตั้งแต่การจัดโอลิมปิก หลังจากนั้นก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองไทย
ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยแค่ 14 ล้านคน และมีรายได้ท่องเที่ยวไม่เกิน 5 แสนล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกซึ่งเป็นไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น มีปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง โดยคาดว่าจะหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ซึ่งวัดได้จากอัตราเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในภูเก็ตมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยเพียง 60% เท่านั้น จากปกติกว่า 80-90%
ดังนั้นแนวทางในการบุกตลาดท่องเที่ยวในปีนี้จะต้องเน้นการรุกเอเชียและตลาดตะวันออกกลางเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยตลาดเอเชียจะเน้นเจาะตลาดจีน อินเดีย ไต้หวัน ญี่ปุ่นเป็นหลัก ขณะที่ตลาดระยะไกลอย่างตลาดยุโรปจะต้องเลือกรุกเฉพาะบางตลาดเท่านั้น อาทิ สแกนดิเนเวีย ฟินแลนด์ ฮอลแลนด์ ส่วนตลาดฝรั่งเศสยังพอไปได้แต่อาจจะไม่เติบโตมากนัก ส่วนตลาดอังกฤษ เยอรมนีมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างแน่นอนจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจ
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ดททท.) กล่าวว่า ททท.จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอสปอนเซอร์ต่างๆ เพราะปีนี้มีการขอสปอนเซอร์เข้ามาจำนวนมาก ขณะที่หลายหน่วยงานลดงบประมาณด้านสปอนเซอร์ อาทิ การบินไทย ซึ่งเคยให้สปอนเซอร์สำหรับงานที่จัดเป็นประจำทุกปี แต่หลังจากนี้ปรับลดลง และอาจจะให้งบประมาณเฉพาะหน่วยงานที่ครีเอตงานขึ้นใหม่ๆเท่านั้น
สำหรับงบประมาณด้านการตลาดนั้น ล่าสุดคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้รับอนุมัติงบกลางปี 2552 จำนวน 1,000 ล้านบาทในการส่งเสริมตลาดโดยคาดว่าจะใช้งบนี้ส่งเสริมต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอนุมัติงบจำนวน 450 ล้านบาทสำหรับส่งเสริมตลาดในประเทศ ขณะที่งบส่งเสริมตลาดต่างประเทศจำนวน 325 ล้านบาทอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเวลาออกโรดโชว์ของแต่ละหน่วยงานแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกับที่กระทรวงการต่างประเทศเข้าพบ จึงทำให้ยากต่อการทำงาน
นอกจากนี้ยังจะมีแผนจัดประชุมสัมมนาภาคเอกชนในวงการท่องเที่ยวทั้งหมดในวันที่ 30 มกราคมนี้ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน พร้อมทั้งมีแนวคิดที่จะปรับเป้ารายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นอีก จากเป้าหมายเดิมที่ททท.ได้ปรับลดเป้าหมายลง(
http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=R402395Z&issue=2395