กลับหน้ารายการ

งบช่วยท่องเที่ยว แค่หยดน้ำในทะเลทราย

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
มติครม. เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งได้อนุมัติแผนช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในวงเงิน 245.5 ล้านบาท
แบ่งเป็น 222.5 ล้านบาท ที่เป็นการจัดสรรเงินอุดหนุนให้ธนาคารพาณิชย์ เพื่อชดเชยภาระดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในอัตรา 2% เป็นระยะเวลา 2 ปี และอุดหนุนค่าส่วนต่างของค่าธรรมเนียมค้ำประกันการกู้แก่บรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) ในอัตรา 1.5% เป็นเวลา 2 ปี และเป็นค่าบริหารจัดการอีก 11.5 ล้านบาท
แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาย้ำว่า การอนุมัติเงินอุดหนุนนี้ จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีลูกหนี้เดิมสามารถปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีได้ 3,000 ล้านบาท ในขณะที่เอสเอ็มอีแบงก์จะสามารถ ปล่อยกู้ได้อีก 2,000 ล้านบาท นั้นยังไม่สามารถเข้ามาช่วย “โอบอุ้ม” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้มากนัก

ทั้งนี้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากการปิดสนามบินเมื่อปีที่ผ่านมานั้น มีมูลค่ามหาศาลจนยากที่จะคำนวณได้ เพราะเพียงแค่นักท่องเที่ยวหายไปจากตลาดเกือบ 100% ในช่วง “ไฮซีซัน” ที่ราคาห้องพัก และบริการทั้งหลายอยู่ในระดับ “พีก” สุดนั้นก็ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้ไปทันทีนับหมื่นล้านบาท

ที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาล “สมชาย” และรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ต่างออกมายืนยันว่าภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเรื่องดังกล่าว และ “พูด” เสมอว่าจะต้องไปช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นการเร่งด่วน

แต่จากการกระทำในช่วงที่ผ่านมามีแต่คำพูดที่ “สวยหรู” ในขณะที่การกระทำค่อนข้างน่า “ช้ำใจ”

เพราะงบประมาณที่รัฐบาลอนุมัติให้มา นั้นมีจำนวน “น้อยนิด” เหลือเกินเมื่อเทียบ กับความเดือดร้อนของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และหลายครั้งเป็นเพียง “ลมปาก” ของ รัฐบาลที่บอกจะให้ แต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของงบประมาณ

ทั้งนี้ เพราะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ใหม่ๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ยื่นของบประมาณช่วยเหลือเป็นเงินทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลอนุมัติให้แค่ 5,000 ล้านบาท แต่ 5,000 ล้านบาท ที่อนุมัติมานั้นก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม

เรื่องนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ แรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 2 แสนคน จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยคาดกันว่า หากรัฐบาลยังไม่อนุมัติเงินดังกล่าวออกมาช่วยเหลือในอีกไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ แรงงานท่องเที่ยวตกงานแน่ 8 หมื่นคน โดยอาชีพที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก คือ มัคคุเทศก์ และพนักงานต้อนรับ

แม้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจะเห็นชอบแผนการฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอโดยอนุมัติวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำไปส่งเสริมมาตรการด้านการตลาด เร่งแก้ไขภาพลักษณ์และสร้างแรงจูงใจในกลุ่มลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

งบ 1,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติมานั้น เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดงบดังกล่าว เป็นการ “เจียด” มาจากงบเยียวยานักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินจำนวน 1,900 ล้านบาทนั่นเอง

นั่นหมายความว่า งบที่เกิดขึ้น เป็นงบที่ดึงมาจากงบก้อนต่างๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้ตั้งงบประมาณใหม่แต่อย่างใด

หากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่ “ฟันธง” ได้ว่าประเทศไทยไม่มีสิทธิได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14 ล้านคน ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปิดสนามบิน พ่วงกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดิ่งเหวลงทุกวัน จะกลายเป็น “ตุ้มถ่วง” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้ “ตกต่ำ” ลงอย่างต่อเนื่อง

ในสถานการณ์ขณะนี้ ประเทศไทยไม่สามารถขาย “สินค้า” ทางการท่องเที่ยวของไทยได้เหมือนในภาวะปกติ

จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการตลาดในเชิงรุก ซึ่งโครงการตลาดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ “เงิน” ในการดำเนินการ

ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไม่เคยได้รับงบประมาณในการทำตลาดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาโดยตลอด ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ ก็ไม่น่ามีปัญหา

แต่ในช่วงวิกฤตท่องเที่ยวอย่างนี้ “งบประมาณ” เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

จริงอยู่แม้รัฐบาลจะมีปัญหาในเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพราะมัวแต่นำงบประมาณกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท โปรยแจกประชาชนทั่วประเทศหัวละ 2,000 บาท เพื่อสร้างประชานิยม ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

หากรัฐบาลยังไม่รู้จักใช้งบประมาณใน ทางที่ถูกที่ควรอย่างที่เป็นอยู่ ก็ปิดประตูท่องเที่ยวได้เลย

http://www.posttoday.com/business.php?id=33649

ยังไม่มีความคิดเห็นในกระทู้นี้

กลับหน้ารายการกระทู้