การออกมาให้สัมภาษณ์ของ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ดีดีบริษัท การบินไทย ว่ายินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ในการส่งข้อมูลผู้ที่ขออัพเกรดที่นั่งการบินไทยของกลุ่มคนการเมืองย้อนหลัง 3 ปี เพื่อให้ป.ป.ช. ตรวจสอบนั้น
ถือเป็นกลยุทธ์ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัวเหลือเกิน
ทั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การบินไทยเป็นหน่วยงานที่ถูกฝ่ายการเมือง และกลุ่มผู้มีอำนาจเข้ามาทึ้งหาผลประโยชน์จากการบินไทยกันเป็นเวลาช้านาน ซึ่งคนการบินไทยได้แต่มองตาปริบๆ
เนื่องจากฝ่ายการเมืองหรือคนที่มีอำนาจที่ได้รับสิทธิในการอัพเกรดที่นั่งนั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีอันจะกิน สามารถซื้อตั๋วการบินไทยในราคาปกติได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังใช้สิทธิดังกล่าว
ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารการบินไทยจะเป็นผู้อนุมัติให้ฝ่ายการเมือง และผู้มีอุปการคุณทั้งหลายอัพเกรดที่นั่งจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งผู้ขอและผู้ให้
การออกมาระบุว่า จะให้ข้อมูลการอัพเกรดที่นั่งย้อนหลัง 3 ปี ย่อมเรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้องจากคนการบินไทยที่น้ำท่วมปากกับเรื่องนี้ และยังสามารถ อุดรูรั่ว ของการบินไทยที่กำลังอยู่ในภาวะกระเป๋าขาดได้อีกทางด้วย
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่า การบินไทยเสียประโยชน์จากการอัพตั๋วที่นั่งประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ปีละหลายหมื่นล้านบาทของการบินไทย แต่ก็เป็นเรื่องที่สมควรจะทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเงินที่รั่วไหลจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่การบินไทยไม่สมควรจะเสีย
ดังนั้น การรื้อข้อมูลการอัพเกรดของปิยสวัสดิ์ ครั้งนี้ จึงกลายเป็นเรื่องที่มีแต่ฝ่ายสนับสนุน หามี ผู้คัดค้านไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น เกมนี้จึงอยู่ในมือของ ปิยสวัสดิ์อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนี้จะได้เห็นการเดินหน้าจัดการเรื่องนี้แบบเข้มๆ ของดีดีการบินไทยอย่างแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ได้สร้างบารมีให้กับปิยสวัสดิ์ ที่เป็น ข้าวนอกนา แต่เข้ามานั่งในตำแหน่งสูงสุดของการบินไทยได้เป็นอย่างดี
อย่างน้อยๆ การเปิดโพยรายชื่อฝ่ายการเมือง ก็สามารถ ซื้อใจ คนการบินไทย ให้เข้ามายืนเป็นฝ่ายเดียวกับปิยสวัสดิ์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ปิยสวัสดิ์ต้องการอย่างยิ่ง เนื่องจากการเป็นคน นอกที่เข้ามานั่งบริหารการบินไทยนั้น โดดเดี่ยว นัก การมีพนักงานมายืนเป็นกำลังใจและหนุนหลัง เหมือนเป็นกำแพงที่หนาปึ้กที่คอยค้ำยันเก้าอี้ดีดีของเขาให้มั่นคงได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ ข้อมูล เรื่องนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งสำหรับฝ่ายการเมือง เพราะสามารถใช้เป็นอาวุธที่ใช้น็อกบนเวทีการเมืองได้ชะงัดนัก
เห็นได้จากการลาออกของ วัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหาร (อีเอ็มเอ็ม) การบินไทย ที่ถูกพิษขนสัมภาระน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม เข้ามาประเทศไทยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ถล่มเสียยับเยิน แม้ว่าวัลลภจะมีแบ็กอัพที่แข็งปั้กอย่าง เนวิน ชิดชอบ ตัวจริงเสียงจริง ของพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่สามารถยื้อให้อยู่ในตำแหน่งได้ จำเป็นต้องประกาศขอลาออก โดยไร้มือการเมืองช่วยอุ้มแต่อย่างใด
เพราะงานนี้ใครออกมาอุ้ม เลือดท่วมตัวแน่
เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็น เครื่องมือทางการเมืองชิ้นสำคัญอีกชิ้น ที่จะเขย่า วงการการเมืองของไทย ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาใครใช้ อำนาจ อัพเกรดตั๋วการบินไทยไปบ้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พี่เลี้ยงของปิยสวัสดิ์ จะยินดีที่ได้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ มากกว่าที่จะยินดีว่าสามารถเลิกวัฒนธรรมอัพเกรดตั๋วการบินไทยได้อย่างแน่นอน
http://www.posttoday.com/business.php?id=84912
ในการส่งข้อมูลผู้ที่ขออัพเกรดที่นั่งการบินไทยของกลุ่มคนการเมืองย้อนหลัง 3 ปี เพื่อให้ป.ป.ช. ตรวจสอบนั้น
ถือเป็นกลยุทธ์ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัวเหลือเกิน
ทั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การบินไทยเป็นหน่วยงานที่ถูกฝ่ายการเมือง และกลุ่มผู้มีอำนาจเข้ามาทึ้งหาผลประโยชน์จากการบินไทยกันเป็นเวลาช้านาน ซึ่งคนการบินไทยได้แต่มองตาปริบๆ
เนื่องจากฝ่ายการเมืองหรือคนที่มีอำนาจที่ได้รับสิทธิในการอัพเกรดที่นั่งนั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีอันจะกิน สามารถซื้อตั๋วการบินไทยในราคาปกติได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังใช้สิทธิดังกล่าว
ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารการบินไทยจะเป็นผู้อนุมัติให้ฝ่ายการเมือง และผู้มีอุปการคุณทั้งหลายอัพเกรดที่นั่งจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งผู้ขอและผู้ให้
การออกมาระบุว่า จะให้ข้อมูลการอัพเกรดที่นั่งย้อนหลัง 3 ปี ย่อมเรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้องจากคนการบินไทยที่น้ำท่วมปากกับเรื่องนี้ และยังสามารถ อุดรูรั่ว ของการบินไทยที่กำลังอยู่ในภาวะกระเป๋าขาดได้อีกทางด้วย
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่า การบินไทยเสียประโยชน์จากการอัพตั๋วที่นั่งประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ปีละหลายหมื่นล้านบาทของการบินไทย แต่ก็เป็นเรื่องที่สมควรจะทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเงินที่รั่วไหลจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่การบินไทยไม่สมควรจะเสีย
ดังนั้น การรื้อข้อมูลการอัพเกรดของปิยสวัสดิ์ ครั้งนี้ จึงกลายเป็นเรื่องที่มีแต่ฝ่ายสนับสนุน หามี ผู้คัดค้านไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น เกมนี้จึงอยู่ในมือของ ปิยสวัสดิ์อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนี้จะได้เห็นการเดินหน้าจัดการเรื่องนี้แบบเข้มๆ ของดีดีการบินไทยอย่างแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ได้สร้างบารมีให้กับปิยสวัสดิ์ ที่เป็น ข้าวนอกนา แต่เข้ามานั่งในตำแหน่งสูงสุดของการบินไทยได้เป็นอย่างดี
อย่างน้อยๆ การเปิดโพยรายชื่อฝ่ายการเมือง ก็สามารถ ซื้อใจ คนการบินไทย ให้เข้ามายืนเป็นฝ่ายเดียวกับปิยสวัสดิ์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ปิยสวัสดิ์ต้องการอย่างยิ่ง เนื่องจากการเป็นคน นอกที่เข้ามานั่งบริหารการบินไทยนั้น โดดเดี่ยว นัก การมีพนักงานมายืนเป็นกำลังใจและหนุนหลัง เหมือนเป็นกำแพงที่หนาปึ้กที่คอยค้ำยันเก้าอี้ดีดีของเขาให้มั่นคงได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ ข้อมูล เรื่องนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งสำหรับฝ่ายการเมือง เพราะสามารถใช้เป็นอาวุธที่ใช้น็อกบนเวทีการเมืองได้ชะงัดนัก
เห็นได้จากการลาออกของ วัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหาร (อีเอ็มเอ็ม) การบินไทย ที่ถูกพิษขนสัมภาระน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม เข้ามาประเทศไทยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ถล่มเสียยับเยิน แม้ว่าวัลลภจะมีแบ็กอัพที่แข็งปั้กอย่าง เนวิน ชิดชอบ ตัวจริงเสียงจริง ของพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่สามารถยื้อให้อยู่ในตำแหน่งได้ จำเป็นต้องประกาศขอลาออก โดยไร้มือการเมืองช่วยอุ้มแต่อย่างใด
เพราะงานนี้ใครออกมาอุ้ม เลือดท่วมตัวแน่
เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็น เครื่องมือทางการเมืองชิ้นสำคัญอีกชิ้น ที่จะเขย่า วงการการเมืองของไทย ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาใครใช้ อำนาจ อัพเกรดตั๋วการบินไทยไปบ้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พี่เลี้ยงของปิยสวัสดิ์ จะยินดีที่ได้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ มากกว่าที่จะยินดีว่าสามารถเลิกวัฒนธรรมอัพเกรดตั๋วการบินไทยได้อย่างแน่นอน
http://www.posttoday.com/business.php?id=84912