ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสายการบินเคนย่า และ บริษัท ซี ซั่น ฮอลิเดย์ จำกัด ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสท่องเที่ยวและ สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวกับทริปพิเศษนี้ ชมภาพเต็มได้ที่
http://www.vacationzone.co.th/kmblog/other_photos.php?userid=1223
ความคิดเห็น (42)
เริ่มที่การเดินทางจาก กทม พอมีเวลาก็เลยใช้บริการแอร์พอร์ตลิงค์ดู ดีมากเลยครับ รอนานไปนิด แต่ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 30 นาที สำหรับราคาเที่ยวเดียว15 บาท จากพญาไท ไปสนามบิน ช่องตั๋วอัตโนมัติยังไม่เปิดใช้บริการครับ
แต่ขอตินิดนึงตรงที่ว่า น่าจะมีที่วางกระเป๋าใบใหญ่ เพราะรถไฟนี้ สำหรับขนผู้โดยสารไปสนามบิน หรือว่าขบวนที่วิ่งตรงอาจจะมี ใครมีข้อมูลก็แชร์ได้นะครับ
เครื่องโบอิ้ง 767 ของสายการบินเคนย่า บินตรงไปเมืองกวางเจา นำภาพอาหารชั้นธุรกิจมาให้ชมครับ เป็นอาหารจากครัวบางกอก
แม้การเดินทางไม่ไกลแต่สำหรับชั้นธุรกิจ ทำให้ท่านได้พักผ่อนอิริยาบทได้เต็มที่ระหว่างการเดินทาง กับอาหารเลิศรส (ผมไปเองไม่ค่อยได้นั่งหรอกครับ อันนี้ขอเค้านั่ง)
เมื่อลงจากเครื่องแล้ว รับประเป๋าที่สายพาน แล้วเดินขึ้นไปยังชั้น 3 หาดูว่าแถวเชคอิน D อยู่ที่ไหน เราก็เดินไปนำกระเป๋าเชคอินอีกรอบ สำหรับต่อเครื่องบิน ไชน่าเซาต์เทิร์น เพื่อเดินทางไปเมืองจางเจี่ยเจี้ย
เครื่องลงก็ด่ำพอควร รถมารับแล้วนำเราไปพักที่โรงแรมใกล้ๆอุทยาน ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินราว 40 นาที ทางซีซันให้เราทานข้าวก่อนเข้าห้องพัก แต่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เข้านอนเที่ยงคืนนิดๆ ภาพโรงแรมที่เราพักในคืนแรกครับ
สำหรับวันที่สองของการท่องเที่ยว เราเดินทางจากโรงแรม JINTIAN INTERNATIONAL HOTEL ไปครับ ไม่น่าเกิน 500 เมตรก็ถึงประตูทางเข้าอุทยาน อุทยานจางเจี่ยเจี้ยนี้ ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนานครับ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ใน 2 เขตคือ หย่งติ้ง และ อู่หลิงหยวน มีเนื้อที่กว่า 369 ตร.กม. องค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี ค.ศ.1992
คนเยอะมากครับ นี่ขนาดเค้าบอกว่าไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวนะครับ เห็นคนเข้าแถวแล้วจะเป็นลม ค่าเข้าชมที่นี่แพงมากนะครับ เห็นไกด์บอกว่า 200 กว่าหยวน ไหนจะมีค่านั่งรถไฟ ค่าโน่นค่านี่อีก แต่ธรรมชาติที่นี่ก็คุ้มค่าสำหรับสตางค์ที่เราจ่าย (ทริปนี้ผมไม่ได้จ่ายครับ 555) เมื่อผ่านประตูไปแล้ว ทางอุทยานเค้าจะจัดรถไว้ เท่ากับจำนวนที่นั่ง ไม่สนว่าใครเป็นใคร จับนั่งให้เต็มคันแล้วออกเดินทางไปยัง ที่เค้าเรียกว่า ทิวทัศน์ภาพเขียนสิบลี้ โดยเราจะนั่งรถไฟขบวนนี้ชมภาพเขียนสิบลี้ครับ
ภาพเขียนที่เค้าว่า หมายถึงวิวของภูเข้าต่างๆที่สวยงามราวกับภาพวาด เป็นระยะทางสิบลี้ เป็นแนวทิวเขาที่ประกอบด้วยยอดเขารูปร่างแปลกๆ ตามแต่จินตนาการที่เราจะคิด เรียงรายการไปประมาณ 200 ยอด ตั้งอยูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ ซั่วเซี่ยวี่ อย่างภาพนี้เค้าจินตนาการว่า เป็นสามสาวพี่น้องกัน ท่านลองจินตนาการดูนะครับว่า คนไหนสวยสุด
หลังจากนั้นเค้าจะพาเราขึ้นรถบัสภายใน เพื่อเดินทางไปชมทิวทัศน์ของอุทยานบนยอดเข้าสูงๆเหล่านี้ โดยการเดินทางนั้น ขึ้นลิฟต์แรกประมาณ 32 ชั้น ต่อด้วยลิฟต์แก้วที่สูงที่สุดในโลก เค้าว่างั้น สูง 326 เมตร ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เพื่อชมวิวจากยอดเขา เทียนจื่อซาน
เมื่อขึ้นลิฟต์ขึ้นสู่ยอดเข้าแล้ว เค้าก็จะมีทางเดินที่สร้างไว้ ริมขอบของภูเขา ติดต่อกันไปเป็นระยะทางยาวทีเดียว เราก็เดินไปเรื่อยๆ แวะชมวิวตามจุดต่างๆที่เค้าได้จัดไว้ให้
เป็นวิวที่เรามองจากจุดชมวิวครับ ภายในอุทยานจะเป็นยอดเขา เหมือนเข็มหลายพันเล่มพุ่งสู่ท้องฟ้า ภาพออกมาไม่แจ่มเพราะวันที่เราไป แดดไม่ค่อยจัด แต่ก็ดีอย่างครับ เดินเยอะแต่ไม่ร้อน
มีสะพานให้ข้าม เพิ่มความเสียว
ยอดเข้านี้ เค้าบอกว่าเป็นยอดที่หนังเรื่อง อวตาร์ นำไปตัดต่อที่เราเห็นเขาลอยได้ ผมยังไม่ได้ดูหนังนะครับก็เลยบอกไม่ถูก แต่ว่าในอุทยานนี้ละครับ ที่หนัง อวตาร์ นำฉากไปถ่ายทำ
สะพานธรรมชาติครับ มองลงมาจากสะพาน เสียวสุดยอด
กุญแจมากมายที่นักท่องเที่ยวมาคล้องกันไว้ เค้ามีขายข้างบนนี่ละครับ น่าจะ 30 กว่าหยวน ท่านใดรู้ว่าเค้าแขวนกันทำไม ช่วยบอกทีครับ
จุดชมวิวอุทยานนี้มาได้สองทางครับ จะขึ้นลิฟต์ ลงกระเช้า หรือ ขึ้นกระเช้าลงลิฟต์ก็ได้ ท่านที่เดินไม่ไหวเค้ามีเกี้ยวคอยบริการ สนนราคาก็พันกว่าบาทต่อหนึ่งเที่ยว
เราลงจากจุดชมวิวแล้ว ทานอาหารกลางวันตรงขาลง เพื่อขึ้นรถบัสภายในไปขึ้นกระเช้าลงจากยอดเขาครับ ก่อนลงเค้าพาเราไปชมสวน จอมพลเฮ่อหลง ซึ่งจอมพลท่านนี้เป็นเพื่อนกับท่านประธานเหมา ท่านจอมพลเกิดเมืองนี้ครับ
ภาพวิวสวยๆจากสวนท่านจอมพลครับ
หลังจากนั้นเรานั่งรถจากสวนจอมพล ไปขึ้นกระเช้า เพื่อลงมาต่อรถอีกครั้ง ลงไปสู่ทางออก
วันที่สามของการเดินทาง ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าแล้วออกเดินทางไปชมถ้ำ
วันนี้นำท่านเข้าชมถ้ำหลงหวัง หรือ ถ้ำพญามังกร เป็นถ้ำที่มีความงามและใหญ่ที่สุดในจางเจี่ยเจี้ย มีความสูง 50 เมตร กว้าง 80 เมตร และยาว 50 กม เปิดให้ชมความลึกเพียง 4.5 กม แค่นี้ก็เดินขาเป๋แล้วครับ ภายในมีหินงอกหินย้อยให้ชม ประดับแสงสีอย่างสวยงาม
ภายในถ้ำพญามังกร มีหินงอกจากพื้น และหินย้อยจากถ้ำลงมา ประดับด้วยไฟหลากสีสวยงาม
หินงอกหินย้อยสองแท่งนี้ เค้าว่าจะมาบรรจบกันในอีก 1,000 ปี ก็ขอฝากรุ่นต่อๆไปด้วยนะครับว่า ตอนหินมาบรรจบกัน ช่วยมาโพสต์ต่อให้ที
ชมถ้ำแล้ว พาเราไปทานอาหารกลางวัน แล้วพาเราเดินขึ้นเขา ไปนั่งเรือชมทะเลสาบ เป่าเฟิงหู เค้าบอกว่า ไม่รู้ว่าน้ำอยูในภูเขา หรือ ภูเขาอยู่ในน้ำกันแน่ ท่านต้องไปดูเองครับ
ล่องทะเลสาบแล้วก็เป็นอันจบรายการในวันนี้ เราจะเดินทางเข้าไปในเมืองจางเจี่ยเจี้ย เพื่อรับปรทานอาหารค่ำ
เมืองนี้ผลไม้เยอะครับ หน้านี้มีองุ่น ผมขอแวะซื้อหน่อย ดูน่าทาน ลองชิมดูเป็นองุ่นที่มีรสชาด จัดจ้าน ผมชอบมากครับ ทางเจ้าภาพเลยซื้อมาให้เยอะแยะ คณะเราทานกันที่โรงแรมตอนเย็นด้วยครับ
คืนที่สามเราพักันที่นี่ครับ YICHENHUATIAN HOTEL ห้องพักใหญ่โตดี สะอาดสะอ้านพอสมควรเลยทีเดียว
ภาพวิวครับ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
คืนที่ดูโชว์ ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพมาให้ชม เพราะมัวแต่ทึ่งกับความอลังการงานสร้างของจีน ที่สร้างการแสดงนี้ขึ้นมาด้วยมูลค่า หลายร้อยล้านบาท มีนักแสดงราว 600 คน ฉากหลังเวทีเป็นภูเขาตามธรรมชาติ มันสุดยอดมากครับ หากท่านมีโอกาสไป ผมแนะนำว่าอย่าพลาดการแสดงชุดนี้นะครับ ผมนั่งดูไป น้ำตาซึมเลย นี่ขนาดฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องนะครับ พอดีไกด์เล่าเรื่องย่อให้ฟัง ไปดูอีกทีโอ้โห มันใช่เลย การแสดงมีเกือบ 2 ชม ไม่อยากลุกเข้าห้องน้ำเลยครับ การแสดงชุดนี้มีชื่อว่า The Love Story of A Wooden Man and a Fary Fox เป็นความรักระหว่างนางจิ้งจอกขาว แต่ไปหลงรักกับคนตัดฟืน ความรักมีอุปสรรคต่างๆนา รอกันเป็นพันปี กว่าจะได้สมหวัง เป็นตำนานผ่านการเล่าเรื่องและการแสดงบนเวที ประพันธ์เพลงได้ไพเราะเพราะพริ้งมาก ผมชอบจริงๆ
เช้าวันที่สี่ 30 สิงหาคม 2553 หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว คณะเราเดินทางไปขึ้นกระเช้าในเมือง ผ่านหลังคาบ้านคนขึ้นไปยังภูเขาเทียนเหมินซาน
ขึ้นไปจุดสูงสุดเพื่อชมวิว ก่อนลงมาสถานีตรงกลางเพื่อนั่งรถไปชม ประตูสวรรค์ กระเช้านี้สูงได้ใจจริงครับ ไม่กล้ากระดิกเลยผม
เราลงจากกระเช้ากลางทาง แล้วนั่งรถผ่านโค้งขึ้นเขาอีกหลายสิบโค้ง ไปยังประตูสวรรค์ครับ
แล้วเราก็ปีนบันไดมาถึงจนได้ แฮ่กๆ
หลังจากลงมาจากภูเขา โดยกระเช้ามาสู่ตัวเมืองแล้ว เราทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางโดยรถบัสต่อไปยังเมืองฉางซา ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชม
วันรุ่งคืนเรามีเที่ยว พิพิธภัณฑ์หม่าหวังตุ่ย ในเมืองตอนเช้า ก่อนออกเดินทางไปสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อเดินทางไปเมืองกวางเจา
มาแล้วครับรถไฟความเร็วสูง สูงจริงๆครับ นั่งนิ่งสบายๆ สมัยก่อนถ้าเดินทางโดยรถไฟ จากกวางเจามาฉางซาเค้าว่าใช้เวลา 12 ชม จากระยะทาง 1000 กว่า กม พอใช้รถไฟขบวนนี้วิ่งแค่ 2 ชม กว่าๆ
ภายในรถไฟยังใหม่อยู่ครับ เพราะเพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่นั่งแบ่งเป็น 3 กับ 2 แถว มีอาหาร น้ำดื่มให้เราซื้อทาน มีที่นั่งระบุเรียบร้อยตอนเราซื้อตั๋ว ตั๋วที่เราซื้อไปแลกน้ำดื่มได้ 1 ขวด ที่สถานี
ถึงสถานีกวางเจาแล้ว เราเข้าไปที่สนามบินก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทัวร์ ทำการเชคอินและโหลดกระเป๋า พวกเราไปทานอาหารค่ำก่อนขึ้นเครื่องกัน จริงๆไม่ต้องทานก็ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวสายการบินเคนย่า ก็มีบริการบนเครื่องครับ เค้าบอกว่าอาหารของสายการบินนี้อร่อย อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าท่านจะได้ทานเอง ขอจบเพียงแค่นี้ครับ ขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับสายการบินเคนย่า และ บริษัท ซีซันฮอลิเดย์ จำกัด ต้องขอชมว่าเค้าให้บริการได้ดีจริงๆครับ
ภาพสวยมาก
ขอบคุณที่ให้ความรู้ กำลังจะไปปลายเดือนนี้พอดีครับ