951 กระทู้
3.8M+ ยอดวิว
20+ ปีแห่งความทรงจำ
3.2K+ ความคิดเห็น
กลับหน้ารายการ

\\\'ทีจี\\\'โปรยตั๋วฟรี30,000ใบ ปิดรูตบินในไทย-แอฟริกาใต้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2395 25 ม.ค. - 28 ม.ค. 2552

\\\'ทีจี\\\'โปรยตั๋วฟรี30,000ใบ ปิดรูตบินในไทย-แอฟริกาใต้
บินไทยผ่าวิกฤติ อัดโปรโมชัน แจกตั๋วฟรีบินในประเทศพร้อมห้องพักทั่วโลกตั้งเป้า 3 หมื่นใบ ในเส้นทางบินข้ามทวีป ส่วนรูตบินภูมิภาคจะขายราคาเดียวบินทั่วไทยเริ่มกุมภาพันธ์ถึงตุลาคมหวังกระตุ้นยอดขาย ทั้งปรับแผนบินใหม่ทั้งยวงให้เข้าสถานการณ์ ล่าสุดหยุดบินแอฟริกาใต้ เล็งเลิกบินแม่ฮ่องสอน หั่นรูตยุโรป 10% หันมาบุก อินเดียจีน ตะวันออกกลาง ส่วนฝ่ายการเงินมั่นใจต้องกู้อีก 1.2 หมื่นล้านโปะสภาพคล่อง ตั้งลำชงแผนใหม่บอร์ดผ่านเข้ากระทรวงคลังวันที่ 16 ก.พ. ด้าน \\\"พิชัย ชุณหวชิร\\\" ยันต้องซื้อเครื่องบินเพื่อเพิ่มรายได้


แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยกับ \\\"ฐานเศรษฐกิจ\\\" ว่าจากผลกระทบของวิกฤติการเงินโลกและการปิดสนามบิน ทำให้ผู้โดยสารลดลงเป็นจำนวนมากนั้น ล่าสุด บมจ.การบินไทยได้เตรียมออกแคมเปญส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั่วโลกให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยมี 2 แคมเปญด้วยกัน


+++ 2 แคมเปญปลุกยอดขาย


แหล่งข่าวกล่าวว่าสำหรับแคมเปญที่1 ดับเบิ้ล แฮปปี้เนส อิน ไทยแลนด์ ซึ่งจะขายตั๋วราคาเดียว แต่สามารถเดินทางไปภูเก็ต เชียงใหม่ หรือจุดหมายปลายทางในประเทศที่การบินไทยบินได้ กับ 2. ขายตั๋วจากเส้นทางบินข้ามทวีป เข้าประเทศไทยโดยจะได้รับสิทธิ์แถมตั๋วบินในประเทศทุกเส้นทางบินพร้อมห้องพักโรงแรมอีก 1 คืนฟรี ซึ่งมีโรงแรมนับร้อยแห่งร่วมเป็นพันธมิตร


\\\"ทั้งสองแคมเปญจะเปิดตัวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยแคมเปญแรกจะแถมถึงสิ้นเดือนมีนาคม เพราะบินระยะใกล้ ส่วนแคมเปญที่สองจะสิ้นสุดสิ้นเดือนตุลาคม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการแคมเปญสองไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นราย โดยต้องเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วบินจาก 3 ภูมิภาคหลักคือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจากยุโรป\\\"


แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากเส้นทางบินต่างประเทศเข้ามาแล้ว ผู้โดยสารคนไทย บินภายในประเทศหรือบินออกนอกประเทศไทย สามารถใช้โปรโมชัน แคมเปญ บินเติมสุข ที่ได้ขยายไปถึงสิ้นเดือนมีนาคม รวมถึงซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ ซึ่งจะจัดโปรโมชันเป็นรายเดือน ราคาจะถูกกว่าปกติ 40-50 % เช่นเดือนกุมภาพันธ์จะโปรโมต เที่ยวอินเดียโดยใช้ ทัชมาฮาลเป็นจุดขาย เดือนเมษายนจะโปรโมตญี่ปุ่น ในเทศกาลซากุระบาน เป็นต้น


+++ ย้ายจากดอนเมืองเซฟ 600 ล้าน


นอกจากโปรโมชันกระตุ้นยอดผู้โดยสารแล้ว ยังได้เตรียมปรับแผนการบินและตารางการบินให้สอดคล้อง เพื่อเพิ่มรายได้ เช่นการนำเครื่องบินที่ทันสมัยไปให้บริการในเส้นทางที่มีผู้โดยสารมากและขายตั๋วในราคาแพง หรือนำเครื่องบินเก่ามาบินในเส้นทางที่มีการแข่งขันสูง ขายตั๋วราคาถูก และจัดทำแผนลดเที่ยวบินในเส้นทางยุโรป 10%


นอกจากนี้ยังมีแผนบุกตลาดที่มีศักยภาพสูงใน 3 เส้นทางบินคือ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ได้ยกเลิกบินเส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาไปแล้ว เนื่องจากขาดทุน และจะยกเลิกบินเส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน รวมถึงพิจารณาเส้นทางบินที่ขาดทุน กรุงเทพฯ-มอสโกด้วย โดยจะเพิ่มยอดขายด้านคาร์โกแทน


อย่างไรก็ดีในการประชุมพนักงานของ บมจ.การบินไทย ฝ่ายบริหาร ได้ชี้แจงและตอบข้อซักถามหลายประเด็นทั้งแผนการย้ายจากสนามบินดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มีนาคมที่จะถึงนี้ที่จะทำให้บริษัท ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 600 ล้านบาทต่อปี รวมถึงถ้าปิดสำนักงานเช็กอินที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ลาดพร้าว จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 2 ล้านบาทต่อเดือน


+++ ขาด 1.2 หมื่นล.อุดสภาพคล่อง


ด้านนางงามนิตย์ สมบัติพิบูลย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี บมจ.การบินไทยกล่าวถึงแผนการใช้จ่ายเงินว่า แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่คือ 1. การปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้น 3-6 เดือนเป็น 1 ปี จำนวน 15,000 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2. กู้เงินอีก 19,000 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้จ่ายเป็นกระแสเงินสด โดยสามารถกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ มาแล้ว 7,000 ล้านบาท จากธนาคารอิสลาม 2,250 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารออมสิน เป็นต้น


ส่วนอีก 12,000 ล้านบาทกำลังดำเนินการอยู่ และ 3. การกู้ระยะยาว 12 ปี เพื่อนำมาใช้จ่ายในการรับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 6 ลำที่จะส่งมอบภายในปีนี้ โดยจะเริ่มรับมอบในเดือนเมษายน และพฤษภาคม 2 ลำ ใช้เงินอีก 5,000 ล้านบาท จากแหล่งเงินกู้ต่างประเทศในลักษณะขอเช่าซื้อ ซึ่งคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา


++++ ชงแผนใหม่ มั่นใจ 6 เดือนฉลุย


ขณะเดียวกันนางงามนิตย์ อธิบายว่าการใช้เงิน ส่วนหนึ่งคงจะมีการออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินสดมาเสริมสภาพคล่องบางส่วนโดยอาจกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้กำลังจัดทำแผนโครงสร้างธุรกิจ ที่ประกอบด้วยแผนการใช้เงิน แผนการเพิ่มรายได้ในเส้นทางที่มีคุณภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพบุคลากร ปรับตารางบิน การใช้เครื่องบินเส้นทาง เป็นต้น คาดว่าภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้จะนำเสนอบอร์ดพิจารณา


\\\"จากนั้นจะนำเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ และเชื่อว่าหากได้เงินกู้อีก 12,000 ล้านบาทเข้ามาเสริมสภาพคล่องน่าจะทำให้การบริหารงานคล่องตัวไปถึงสิ้นปี เพราะเวลานี้ยอดขายตั๋วเริ่มฟื้น ซึ่งก็จะทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามา ภายใน 6 เดือนนี้น่าจะมีอะไรชัดเจน\\\"


ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร หนึ่งในคณะกรรมการบริหาร บมจ.การบินไทยได้ชี้แจงกับพนักงานตอนหนึ่งว่ามีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องบินใหม่เข้ามาเสริมบริการเพราะจะทำให้มีรายได้เพิ่ม ดังนั้นต้องรับมอบเครื่องบิน แอร์บัสเอ 330-300 หลังจากที่ได้วางเงินมัดจำไปแล้ว 30% เพราะการบริหารธุรกิจนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนนอกเหนือจากเรื่องของคน ที่พร้อมจะทำงานภายใต้กติกาหรือไม่ถ้าไม่เวิร์กก็ไม่มีใครอยากอยู่


++++ปรับแผนการเงินใหม่จะดีขึ้น


นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับบมจ.การบินไทย เป็นปัญหาที่ไม่ปกติ ที่เกิดการบุกเข้ายึดปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปลายปี 2551 ซึ่งในช่วงเดือน พฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม ของทุกปี จะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ที่จะมีผู้เข้ามาใช้บริการกับการบินไทยเป็นจำนวนมาก คิดเป็นรายได้เฉพาะในช่วงนี้ประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท และเชื่อว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยในปี 2552 นี้ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และทำให้สถานการณ์ด้านรายได้ของการบินไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้


ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงทำให้การบินไทยต้องสูญเสียรายได้ไป และกระทบกับแผนรายจ่าย ทำให้ต้องกู้ยืมเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องโดยรวมของกิจการ รวมถึงกรณีการจ่ายเป็นค่าเงินเดือนพนักงานด้วย แต่ทั้งนี้ การบินไทยจะต้องปรับปรุงแผนการใช้จ่ายเงินใหม่ทั้งหมด เช่น การขอเลื่อนชำระหนี้ที่ครบกำหนด การเลื่อนแผนการปรับซื้อเครื่องบินแทนการเช่าซื้อ และการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือชะลอออกไปก่อน ซึ่ง สคร. เชื่อว่า สถานะของการบินไทยจะสามารถกลับมายืนอยู่ในระดับดีได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก และคงมีความแข็งแกร่งด้านการดำเนินธุรกิจมากกว่าสายการบินอื่นๆ


\\\"การเปลี่ยนบอร์ด หรือผู้บริหาร คงเป็นเรื่องของนโยบาย แต่เชื่อว่า การปรับเปลี่ยนองค์กร จะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงาน เพราะต้องปรับตัวใหม่ ซึ่งจะกระทบกับแผนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ ให้เกิดความล่าช้าตามไปด้วย\\\"

http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0123952&issue=2395 />

ยังไม่มีความคิดเห็นในกระทู้นี้

กลับหน้ารายการกระทู้